Blog

บทความน่ารู้

เรื่องของนิ่ว ที่ทำให้หน้านิ่วคิ้วขมวด

 

โรคนิ่วสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในคนและสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะวิวัฒนาการรักษาน้องหมา น้องแมวที่ก้าวหน้าขึ้นในปัจจุบัน ทำให้สามารถตรวจพบโรคนิ่วได้มากขึ้น
คำว่า “นิ่ว” หมายถึงการสะสมของตะกอนแร่ธาตุจนเกิดเป็นก้อนนิ่ว ซึ่งสามารถเกิดได้หลายส่วนในร่างกาย ทั้งในไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ ไปจนถึงท่อปัสสาวะ เเละที่สำคัญน้องหมาน้องแมวพูดไม่ได้ ไม่สามารถสื่อสารได้ว่าเจ็บปวดตรงไหน  คุณเจ้าของจึงต้องคอยสังเกตสัญญาณเตือนโรคนิ่วเป็นประจำ

 
 
การสังเกตอาการ
ถ้าพบสัญญาณเหล่านี้.... ให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันทีเพราะน้องหมาน้องแมวอาจจะเริ่มมีปัญหาโรคนิ่ว หรือระบบทางเดินปัสสาวะแล้วนั่นเอง
  • ถ้าพบว่าน้องหมาน้องแมวที่บ้านฉี่บ่อยมากกว่าปกติ วันหนึ่งมากกว่า 5 – 6 ครั้งขึ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉี่บ่อยแต่ฉี่ทีละนิด มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจมีก้อนนิ่วอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เก็บฉี่ได้น้อยลง เลยทำให้ต้องฉี่ทีละน้อยแต่บ่อย ๆ 
 
  • ฉี่แบบหน่อย ๆ กระปริดกระปรอยนิด ๆ ถ้าพบว่าน้องเขาฉี่ดูกระปริดกระปรอย ฉี่ทีละนิดทีละหน่อย แสดงว่าอาจมีการอักเสบหรืออุดตันในระบบทางเดินปัสสาวะเป็นบางส่วน ต้องลองพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อหาสาเหตุต่อไป
 
  • ฉี่สีแดง ถ้าพบว่าปัสสาวะของน้องมีสีผิดปกติ เช่นสีแดง แสดงว่าอาจจะมีเลือดปนมา ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดีอย่างแน่นอน  รวมไปถึงถ้าปัสสาวะข้นขุ่น หรือฉี่สีเข้มมาก ก็ต้องมาพิจารณาด้วยเช่นกัน
 
  • ปวดเกร็ง น้องบางตัวกว่าจะฉี่ได้ต้องนั่งรวบรวมลมปราณทั้งเกร็งทั้งเบ่งอยู่นาน ถ้าน้อง ๆ ที่บ้านมีอาการเหล่านี้ ให้ระวังเพราะการปวดเกร็งและปวดเบ่งตอนฉี่นั้นอาจเกิดขึ้นได้จากก้อนนิ่วอุดตันระบบทางเดินปัสสาวะ ทำให้ฉี่ไม่ออก
 
  • ไม่ฉี่....ถ้าพบว่าน้องที่บ้านไม่ฉี่เลย หรือฉี่ไม่ออกในหนึ่งวัน ให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์โดยด่วน เพราะเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบรักษาทันที อาจมีสาเหตุมาจากนิ่วอุดตันระบบทางเดินปัสสาวะโดยสมบูรณ์ จนฉี่ไม่ออก ซึ่งอาจจะทำให้กระเพาะปัสสาวะแตกและเสียชีวิตได้
 

7 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดนิ่ว 
โรคนิ่วนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยง และการเลี้ยงดูของเจ้าของล้วนแล้วแต่มีผลต่อความเสี่ยงของโรคนี้ วันนี้เรามาทำความรู้จักต้นเหตุเหล่านี้ เพื่อจะได้ป้องกันน้องหมาน้องแมวของเราให้ห่างไกลจากโรคนิ่วกันดีกว่า
  • อาหาร : นิ่ว คือการจับตัวเป็นก้อนของแร่ธาตุที่มากเกินไปในทางเดินปัสสาวะ จนทำให้เกิดการอุดตัน และอักเสบขึ้นนั่นเอง ดังนั้นการให้อาหารปรุงเอง หรืออาหารที่มีแร่ธาตุไม่เหมาะสมกับน้องหมาน้องแมว จะทำให้มีแร่ธาตุส่วนเกินนี้มากขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงของโรคนิ่วได้ ควรเลือกอาหารที่ปลอดภัยมีฉลากรับรอง และให้สูตรอาหารตรงตามความต้องการช่วงวัยและสายพันธุ์จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
  • การให้น้ำ : โดยปกติน้องหมาควรได้รับน้ำประมาณ 50-70 มล./กก./วัน ส่วนแมวควรได้รับน้ำประมาณ 50-60 มล./กก./วัน ถ้าน้องหมาน้องแมวได้รับน้ำไม่เพียงพอ หรือไม่ยอมกินน้ำ จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคนิ่วมากขึ้น รวมไปถึงคุณภาพของน้ำที่ให้ ถ้าเป็นน้ำที่ไม่สะอาด น้ำกระด้าง น้ำบาดาลที่มีแร่ธาตุอื่น ๆ เจือปนสูงสามารถทำให้น้อง ๆ มีโอกาสเป็นนิ่วได้เช่นกัน
  • อ้วน : แม้ความอ้วนจะน่ารักในสายตาคุณเจ้าของ แต่อาจเป็นภัยร้ายสำหรับน้องหมาน้องแมวโดยเฉพาะโรคนิ่ว เพราะอ้วนแล้วจะไม่ค่อยขยับตัว การอยู่กับที่นาน ๆ บวกกับอาหารที่ไม่สมดุลจะทำให้นิ่วก่อตัวได้ง่าย ดังนั้นอย่าตามใจให้อาหารน้องหมาน้องแมวมากจนเกินไปจนพวกเขาอ้วน เพราะนอกจากโรคนิ่วจะถามหาแล้ว ทั้งโรคไขข้อ เบาหวาน และโรคร้ายต่าง ๆ ยังตามมาอีกเป็นกองเลย
  • กระเพาะปัสสาวะอักเสบ : ทั้งน้องหมาและน้องแมวที่อั้นฉี่เป็นระยะเวลานาน ๆ มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และนิ่วตามมาได้ รวมไปถึงน้องหมาน้องแมวเพศเมียที่มีท่อปัสสาวะสั้นและกว้างก็มีโอกาสติดเชื้อ และเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ง่ายกว่าอีกด้วย
  • เลี้ยงในบ้าน : เพราะน้องหมาที่เลี้ยงในบ้าน ออกกำลังกายน้อย และถูกขังในบ้านนาน ๆ ทำให้อั้นฉี่เป็นประจำจนเป็นนิสัย ซึ่งการอั้นฉี่นี้เป็นเหตุทำให้เกิดนิ่วตามมาได้ ดังนั้นแม้จะเลี้ยงในบ้านแต่อย่าลืมพาน้องออกไปเดินเล่นและฝึกหัดให้ปัสสาวะไม่อั้นฉี่นาน ๆ นะคะ
  • กระบะทรายไม่เพียงพอ : เป็นปัจจัยสำคัญมาก ๆ สำหรับน้องแมว แมวแต่ละตัวควรมีกระบะทรายเป็นของตัวเองและมีอีกกระบะหนึ่งเอาไว้เสริม การมีกระบะทรายน้อยเกินไป อาจทำให้แมวแย่งกันใช้ ส่งผลให้แมวเครียด จนทำให้เหมียวรักสะอาดบางตัวอั้นฉี่ ไม่ยอมฉี่ก็เป็นได้ ซึ่งทั้งความเครียดและการอั้นฉี่ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงชั้นดีที่ทำให้เกิดโรคนิ่วตามมา
  • เครียด : ทั้งน้องหมาน้องแมวที่เครียดมากเกินไป มีโอกาสเกิดนิ่วมากกว่าปกติ เนื่องจากจะมีขับถ่ายปัสสาวะน้อยลง ปัสสาวะเข้มข้นขึ้น ส่งผลให้กลายเป็นนิ่วตามมา ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดนั้นมีอยู่มากมาย แต่เราอยากให้ระวังในแมวเป็นพิเศษเพราะแมวเป็นสัตว์ที่เครียดง่าย ทั้งเรื่องกระบะทรายไม่เพียงพอ สถานที่เลี้ยงมีแมวอยู่แออัดมากไป หรือไม่มีมุมสงบให้พักผ่อน มีผู้คนพลุกพล่านบริเวณที่แมวอยู่ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้แมวเครียดได้ทั้งนั้น
นิ่วต่างชนิด ต่างวิธีรักษา
“นิ่ว” คำที่เราได้ยินจนคุ้นหูนั้น แม้จะเป็นนิ่วเหมือนกัน แต่ความจริงแล้วยังถูกแบ่งย่อยออกได้หลายชนิด ซึ่งมีความสำคัญกับการรักษาที่แตกต่างกัน แม้เนื้อหาเรื่องนิ่วแต่ละชนิดอาจจะฟังดูยากเสียหน่อย แต่ถ้าลองอ่านดูเพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติม จะช่วยให้เราเข้าใจว่านิ่วแต่ละชนิดเกิดจากอะไรและแนวทางการรักษาที่ถูกต้องควรทำอะไรบ้าง เพียงแค่เรารู้ชนิดของนิ่ว เราก็จะจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด

นิ่วสตรูไวท์
เป็นนิ่วที่เกิดจากแร่ธาตุในกลุ่ม แมกนีเซียม แอมโมเนีย และฟอสเฟต จับตัวกันเป็นก้อนในปัสสาวะที่มีความเป็นด่าง (pH สูง) มักพบนิ่วชนิดนี้ในน้องหมา น้องแมวที่มีปัญหาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (urinary tract infection; UTI) ซึ่งจริง ๆ แล้วสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ แต่หากปล่อยไว้นานอาจทำให้เป็นนิ่วตามมาได้นั่นเอง ดังนั้นการเพิ่มการกินน้ำ ควบคุมการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะและการจัดการด้านโภชนาการที่เหมาะสม เป็นกุญแจสำคัญในการจัดการกับนิ่วชนิดนี้

นิ่วแคลเซียมออกซาเลท
เกิดจากแร่ธาตุในกลุ่มของแคลเซียม และออกซาเลทในปัสสาวะ มีความเข้มข้นสูง ดังนั้นการให้อาหารที่ควบคุมปริมาณแคลเซียมและออกซาเลทจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ในการจัดการนิ่วชนิดนี้ นอกจากนั้นการเพิ่มการกินน้ำก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางลดความเสี่ยงการเกิดนิ่ว โดยต้องอยู่ในความควบคุมของคุณหมอ เพื่อให้ปริมาณแร่ธาตุในร่างกายสมดุล และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบด้านอื่นต่อร่างกายตามมา

นิ่วยูเรต
นิ่วชนิดนี้พบได้ในน้องหมาน้องแมวที่มีภาวะ “กรดยูริค” หรือ “ยูเรต” สูง เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับตับ หรือจากปัญหาทางสายพันธุ์ในน้องหมา ได้แก่ ดัลเมเชียนและอิงลิช บูลล์ด็อก แม้จะเป็นนิ่วที่มากับกรรมพันธุ์ แต่เราสามารถช่วยน้อง ๆ ได้เพียงแค่จัดการเรื่องสารอาหารควบคู่ไปกับการให้ยาเพื่อรักษา

บทความอ้างอิง : RoyalCaninThailand