เบิร์นไขมันน้องหมาอ้วนอย่างไรให้กลับมาหุ่นดี !!
“ความอ้วน” ปัญหาสุขภาพในสังคมยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์เลี้ยง หากมีน้ำหนักที่เกินพอดีล้วนเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคทั้งสิ้น สำหรับในสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็นหมาหรือแมว หากมีน้ำหนักที่เกินพอดี จะทำให้เขาเป็นโรคต่าง ๆ ได้ง่าย
มาดูกันค่ะว่า น้องหมาอ้วนเสี่ยงต่อโรคอะไรบ้าง และเราจะมีวิธีดูแลน้องหมาอ้วนให้กลับมามีรูปร่างปกติด้วยวิธีไหนได้บ้าง ไปติดตามกันเลยค่ะ
รู้ไหม? น้องหมาอ้วนเสี่ยงโรคมากมาย
โรคอ้วนในสุนัข คือ ภาวะที่ร่างกายมีการสะสมไขมันส่วนเกินมากเกินไป โดยนิยามแล้วสุนัขที่จัดว่าเป็นโรคอ้วนต้องมีน้ำหนักตัวมากกว่า 15-30 % ของน้ำหนักตัวมาตรฐานของแต่ละสายพันธุ์ โดยสุนัขที่อ้วนจะพบว่ามีไขมันหนาสะสมอยู่ตามบริเวณแผ่นหลัง และโคนหางมองไม่เห็นเอวจับ หรือคลำกระดูกซี่โครง หรือกระดูกสะโพกไม่พบ
คุณเจ้าของหลายคนมีความเชื่อว่า น้องหมาอ้วนดูน่ารัก น่าเอ็นดู จึงเลี้ยงน้องหมาให้ตัวอ้วนกลม แต่ในความจริงแล้ว...ความอ้วนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของน้องหมาที่สำคัญ คือทำให้เขาอายุสั้นลง โรคที่ตามมากับความอ้วน คือระบบข้อต่อ และการเคลื่อนไหวผิดปกติ เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดปัญหาข้อสะโพกเสื่อม หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย ความดันโลหิตสูง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับ โรคไต เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ตับทำงานเสื่อมลง เนื่องจากมีการสะสมของไขมันภายในตับ
สำหรับน้องหมาตัวผู้ทำให้ความสามารถในการสืบพันธุ์ลดลงเนื่องจากไขมันหนาในถุงอัณฑะ ในตัวผู้ที่มีน้ำหนักมากกว่าตัวเมียมาก ๆ ทำให้ไม่สามารถขึ้นผสมได้ อัตราการผสมติดต่ำ จำนวนลูกต่อคลอกน้อย และในตัวเมียทำให้เขาคลอดลูกยาก เนื่องจากมีไขมันไปเกาะอยู่บริเวณอุ้งเชิงกราน ขัดขวางการคลอด ไม่มีแรงเบ่งคลอด
ทั้งนี้ เจ้าของควรพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีนที่จำเป็น และตรวจเลือดเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อเป็นการเฝ้าระวังโรคที่อาจเกิดขึ้นและเพื่อสุขภาพที่ดีด้วยค่ะ
ให้น้องหมาอดอาหาร คือการลดน้ำหนัก ?
หลายคนมักเข้าใจว่าการไม่ให้อาหาร หรือลดอาหารกับน้องหมาคือการช่วยลดน้ำหนักอีกวิธีหนึ่ง แท้จริงแล้วการลดน้ำหนักไม่ควรใช้วิธีการลดอาหาร หรืออดอาหาร เพราะจะทำให้น้องหมาขาดสารอาหาร และลำไส้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ รวมถึงจะมีปัญหาในการดูดซึมตามมาได้
ที่สำคัญน้องหมาจะหิว และแอบขโมยกินอาหาร ทำให้การลดอาหารไม่ได้ผล ซึ่งจริง ๆ แล้วมีอาหารสูตรลดน้ำหนักมากมายหลายยีห้อในตลาดให้เลือก อาหารเหล่านี้จะมีพลังงานต่ำ ไขมันต่ำ ไฟเบอร์สูง (ช่วยให้อิ่มง่ายขึ้น) และมีสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุจำเป็นครบถ้วนตามความต้องการ
ทั้งนี้การเลือกให้อาหารกับน้องหมาที่มีปัญหาน้ำหนักเกิน จะต้องขอคำปรึกษากับสัตวแพทย์เรื่องการให้อาหาร ปริมาณการให้อาหารที่เหมาะสมกับน้องหมาจะดีที่สุดค่ะ เพราะน้องหมาแต่ละตัวมีความต้องการที่แตกต่างกัน และในช่วงที่กำลังลดน้ำหนักให้น้องหมา ควรให้กินอาหารสูตรลดน้ำหนักเพียงอย่างเดียว เมื่อลดน้ำหนักได้ตามเป้าแล้ว อาจจะปรับมากินอาหารสูตรควบคุมน้ำหนักแทน ส่วนอาหารอื่น ๆ ไม่แนะนำ เพราะเราจะควบคุมปริมาณแคลอลี่ได้ยากค่ะ
อยากลดความอ้วนน้องหมา ต้องเริ่มจากตรงไหน?
1. ให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสม : กรณีให้อาหารสำเร็จรูป ต้องคำนวณปริมาณต่อน้ำหนักตัวน้องหมา ตามที่ระบุไว้ข้างถุง หรือกล่อง โดยจำนวนมื้อที่เหมาะสมคือ 2 มื้อ เช้า และเย็นใช้ถ้วยตวงอาหารทุกครั้ง เพื่อให้น้องหมาได้รับอาหารในปริมาณที่เหมาะสม และอาจจะจดบันทึกการให้อาหารน้องหมาตามโปรแกรมลดน้ำหนัก โดยปรึกษาสัตวแพทย์เรื่องปริมาณการให้อาหารที่เหมาะสมกับเขาจะดีที่สุด
2. กำหนดเวลาให้อาหาร : ทุกคร้้งที่ให้อาหารน้องหมา ควรเทอาหารให้ใหม่ทุกครั้ง ไม่ควรวางทิ้งไว้ทั้งวันเพราะจะทำให้น้องหมากินอาหารไม่เป็นเวลา ซึ่งจะส่งผลต่อระบบการย่อยอาหาร โดยวิธีง่าย ๆ อาจจะวางอาหารไว้ให้น้องหมากินภายในเวลา 15 นาทีเพื่อสร้างวินัยในการกิน หากน้องหมาไม่กินก็ให้เก็บอาหารทันที เพื่อให้น้องหมารู้ว่า ถ้าหากไม่กินอาหารในเวลาที่กำหนดก็จะอดกินอาหารในครั้งนั้น ๆ
3. จำกัดขนมระหว่างมื้ออาหาร : น้องหมาที่กำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก อาจจะต้องลด หรือจำกัดขนมที่เคยได้รับนอกเหนือไปจากอาหารมื้อหลัก และควรสร้างกฏในบ้านเกี่ยวกับการให้ขนมกับน้องหมา โดยสมาชิกในครอบครัวจะต้องปฏิบัติตามในทิศทางเดียวกันเพื่อฝึกนิสัยการกินให้กับน้องหมา และเพื่อการลดน้ำหนักที่ได้ผล
4. เลือกขนมที่มีแคลอรี่ต่ำ : เลือกซื้อขนมสำหรับน้องหมาที่มีแคลอรี่ต่ำ ไม่ให้ขนมหวานของคน เช่น ขนมปัง ขนมไทยต่าง ๆ เป็นต้น เพราะขนมเหล่านี้มีแป้งและน้ำตาลในปริมาณสูงจะทำให้น้องหมาอ้วนได้ แต่อาจจะให้เป็นขนมสำหรับสุนัขที่มีแคลอรี่ต่ำ หรือเลือกให้ผลไม้ เช่น กล้วย แอปเปิ้ลไม่เอาเมล็ดในปริมาณน้อยให้น้องหมาแทนขนมก็ได้ค่ะ
น้องหมาอ้วน ควรออกกำลังกายแบบไหน ?
โดยทั่วไปแล้วน้องหมาที่มีรูปร่างสมส่วนจะมีรูปแบบการออกกำลังกายที่สามารถทำได้หลากหลาย เช่น การเดิน การวิ่ง การว่ายน้ำ การเล่นเกมส์ต่าง ๆ การเล่นกีฬาชนิดต่าง ๆ ซึ่งการออกกำลังกายสำหรับสุนัขที่มีร่างกายปกติ ควรจะใช้เวลาอย่างน้อยวันละ 30-60 นาที (มีการหยุดพักเป็นระยะ ๆ) หลีกเลี่ยงการออกกำลังภายหลังจากกินอิ่ม ๆ หรือการกระโดดขึ้น ๆ ลง ๆ ที่สูง แต่ให้เปลี่ยนมาเดินขึ้นลงทางลาดแทน ระวังในวันที่มีอากาศร้อนหรืออบอ้าว เพื่อป้องกันภาวะเป็นลมแดดหรือฮีทสโตรก และควรให้กินน้ำอย่างเพียงพอหลังจากการออกกำลังกายด้วย
แต่สำหรับน้องหมาที่มีปัญหาสุขภาพ หรือมีน้ำหนักตัวมากเกินไป ควรระมัดระวัง และปรึกษาคุณหมอถึงรูปแบบและวิธีการออกกำลังกายก่อน เพราะอาจส่งผลกระทบต่อกระดูกและข้อต่อของน้องหมาได้
น้องหมาอ้วน หรือน้องหมาที่มีปัญหาเรื่องกระดูกและข้อต่อ อาจทำให้การออกกำลังกายไม่เต็มที่ บางตัวก็ไม่อยากออกกำลังกาย แนะนำว่าให้ออกกำลังกายด้วยวิธีวิ่งในลู่วิ่งใต้น้ำ หรือออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำแทนก็ได้ เพราะการออกกำลังกายในน้ำ มวลน้ำจะเป็นตัวช่วยรองรับน้ำหนักตัวไว้ส่วนหนึ่ง ทำให้แรงที่กระทำต่อกระดูกและข้อต่อลดลง น้องหมาจะไม่เจ็บปวด จึงสามารถออกกำลังกายได้ดีขึ้นค่ะ
สำหรับการว่ายน้ำควรว่ายเป็นยก ๆ ยกละ 5-10 นาที แล้วพัก 10 นาที วันละ 3-4 ยก โดยพาไปว่ายน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งจะดีที่สุด หรือเลือกวิ่งบนสนามหญ้าที่มีพื้นที่ความนุ่ม จะช่วยลดการกระทบกระแทกของกระดูกและข้อต่อได้ ซึ่งการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับน้องหมาอ้วน ควรสังเกตดูว่า น้องหมาสามารถออกกำลังกายได้นานแค่ไหน เมื่อน้องหมาเริ่มเหนื่อยหอบ อาจจะต้องหยุดพัก และค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาในการออกกำลังกายอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่สิ่งสำคัญคือต้องพาน้องหมาออกกำลังกายทุกวัน เพื่อการลดน้ำหนักที่ได้ผลต่อเนื่องนะคะ
การดูแลน้องหมาอ้วนให้กลับมามีสุขภาพดี เพื่อน ๆ สามารถทำได้ไม่ยากเลยค่ะ เพียงแต่ต้องจัดโปรแกรมลดน้ำหนัก ด้วยการควบคุมอาหารควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยปรึกษา หรือขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์ พร้อมกับใส่ใจดูแลน้องหมาในทุก ๆ ด้านอย่างใกล้ชิด น้องหมาก็จะกลับมามีสุขภาพที่แข็งแรง มีรูปร่างที่สมส่วน ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกินและลดการเกิดโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากความอ้วนได้ด้วยค่ะ
บทความอ้างอิง : dogilike.com / talingchanpet.net