Blog

บทความน่ารู้

How To...ตามหาแมวหาย

ถ้าแมวของคุณหายไป นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำ...โดยปกติแล้วแมวมักจะหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง และไม่ค่อยออกมาหาตอนที่เจ้าของเรียก ดังนั้นคุณต้องพยายามค้นหาตามซอกหลืบต่าง ๆ ที่อยู่ละแวกบ้านอย่างละเอียด กระจายข่าวขอความช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ และใช้เครื่องทุ่นแรงที่จะทำให้มันกลับมาบ้านด้วยตัวมันเอง ซึ่งรายละเอียดของกลเม็ดเคล็ดลับที่จะนำเจ้าแมวน้อยที่หายไปกลับคืนมานั้นอยู่ในบทความนี้แล้วค่ะ

ค้นหาอย่างมีประสิทธิภาพ
1. เริ่มค้นหาในทันที ถ้าคุณออกตามหาแมวในทันที คุณก็จะมีโอกาสที่จะเจอมันใกล้ ๆ กับที่ที่มันหายไป แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน โอกาสที่แมวจะเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ จนไกลจากบ้านที่คุณอยู่ก็จะยิ่งมีมากขึ้น
  •  ใจเย็น ๆ ตั้งสติ เป็นธรรมดาที่คุณจะตกใจทำอะไรไม่ถูก แต่การตื่นตกใจไม่ช่วยให้เจอแมวได้เร็วขึ้น ดังนั้นจึงต้องตั้งสติและตามหามันในทันที
  • ถ้าคุณเพิ่งย้ายบ้านมาใหม่ ลองกลับไปค้นหาที่บ้านเดิมดู แต่ถ้าคุณย้ายบ้านมาไกลมาก ก็ร้องขอให้เพื่อน ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนบ้านที่ยังอาศัยอยู่แถวนั้นช่วยตามหาก็ได้
2. เอาไฟฉายติดตัวไปด้วย แม้จะเป็นเวลากลางวัน ก็ควรนำไฟฉายติดตัวไป เพราะคุณจะได้นำมาส่องหาในซอกหลืบที่แสงเข้าไม่ถึง อีกทั้งยังทำให้เห็นแสงสะท้อนจากแววตาของแมวด้วย
3. เรียกแมวเบา ๆ อย่าไปหวังว่าแมวของคุณจะส่งเสียงตอบรับเวลาคุณที่เรียกมันด้วยน้ำเสียงปกติ เพราะแมวที่กำลังพลัดหลงมักจะตื่นตกใจได้ง่าย และไม่อยากออกมาจากจุดที่หลบซ่อนตัวอยู่ ถึงมันจะเห็นคุณก็ตาม ดังนั้นควรเรียกมันเบา ๆ ใช้เสียงที่ค่อยที่สุด เพื่อไม่ให้มันตกใจกลัวไปมากกว่าเดิม
4. หยุดและฟังเสียงเรื่อย ๆ แมวที่กำลังติดกับ บาดเจ็บ หรือหิวโซ น่าจะส่งเสียงเหมียว ๆ ออกมาให้ได้ยิน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะตามหาด้วยตัวเองหรือเป็นกลุ่ม และไม่ว่าจะค้นหาตรงจุดไหน ขอให้หยุดฟังเสียงอย่างเงียบ ๆ และตั้งใจสักพักหนึ่ง เผื่อจะได้ยินเสียงเหมียว ๆ ของแมว
5. กันสัตว์ตัวอื่นออกไป แมวตัวอื่นในพื้นที่อาจจะไล่แมวของคุณออกไปก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าแมวและคุณเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่  ดังนั้นควรให้เจ้าของแมวตัวอื่นกันแมวไว้ไม่ให้ออกไปไหน ขณะที่คุณกำลังตามหาแมวของตัวเอง นอกจากนี้ควรเตรียมขยายขอบเขตในการค้นหา เช่นขยายไปยังบริเวณอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้บ้าน ซึ่งก็ควรกันสัตว์ต่าง ๆ ออกไปเช่นกัน
  •  ถ้าคุณเลี้ยงสุนัข ความซุกซนของมันอาจทำให้แมวของคุณหวาดกลัวก็ได้ แต่ถ้ามันสนุกกับการค้นหาแมว หรือทำตามคำสั่งว่า “หาแมวให้หน่อย” การนำสุนัขมาด้วยก็น่าจะมีประโยชน์ ถ้าคุณไม่สามารถหาแมวได้ด้วยตัวเอง
6. นำของเล่นที่แมวชอบไปด้วย ถ้าแมวของคุณมีของเล่นที่ชื่นชอบอย่างตุ๊กตาหนูหรือขนนก ก็ให้นำติดตัวไปขณะออกตามหา และต้องทำให้ของเล่นนั้นดูเตะตา เหมือนกับว่าอยากให้มันมาเล่นกับคุณ วิธีนี้จะทำให้มันหายหวาดกลัวและออกมาจากที่ซ่อน
7. ขอความร่วมมือจากคนรอบข้างและเพื่อนบ้าน เตือนทุกคนที่ช่วยตามหาว่าถ้าพบเห็นแมวให้เงียบไว้และค่อย ๆ เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้มันหวาดกลัวแล้วหนีไป วิธีนี้จะช่วยให้เจ้าของสามารถเข้าไปใกล้ตัวมันได้ โดยเฉพาะตอนที่มันกำลังตื่นกลัวอย่างรุนแรง  
  • แลกเบอร์โทรศัพท์กับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการตามหา รวมถึงนำไฟฉายไปให้พวกเขาช่วยส่องหาด้วย แม้จะเป็นเวลากลางวันก็ตาม
8. สอบถามข้อมูล และขอความช่วยเหลือจากคนที่ผ่านไปผ่านมา เมื่อใดก็ตามที่มีคนเดินผ่านมา ลองเข้าไปถามเขาดูว่าเห็นแมวของคุณไหม โดยโชว์รูปของมันให้ดูด้วยด้วยถ้าคุณมี
  • บุรุษไปรษณีย์ เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นแถวนั้น หรือคนใครก็ตามที่อยู่ในละแวกบ้านคุณ อาจให้ข้อมูลที่สำคัญซึ่งสามารถนำมาใช้ในการตามหาแมวของคุณได้
  • ตั้งรางวัลในการตามหาเพื่อเพิ่มแรงจูงใจ แม้จะเป็นการตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม
9. ค้นหาอีกครั้งหลังพระอาทิตย์ตก ถ้าคุณตามหามาตลอดทั้งวันแล้ว ให้กลับไปค้นหาที่จุดเดิมซ้ำอีกครั้งหลังพลบค่ำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบกว่าตอนกลางวัน โดยใช้ไฟฉายส่องหาและเรียกแมวของคุณอย่างแผ่วเบา เพราะบางครั้งแมวที่พลัดหลงจะออกมาจากที่ซ่อนในตอนกลางคืน เพราะมีความมืดช่วยอำพรางตัวเพื่อความปลอดภัย
10. ติดตั้งกล้องที่มีเซ็นเซอร์จับความเคลื่อนไหวไว้รอบบ้าน กล้องอาจจะถ่ายภาพของแมวไว้ได้ ซึ่งจะทำให้คุณทราบว่ามันอยู่แถว ๆ นั้น และจะได้โฟกัสการค้นหาไปที่บริเวณดังกล่าว
11. ค้นหาอย่างต่อเนื่อง เมื่อแมวพลัดหลงหรือว่าตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย แมวส่วนใหญ่เลือกที่จะหลบซ่อนแทนที่จะหลบหนี ด้วยเหตุนี้แมวบางตัวจึงอยู่ในพื้นที่นั้นเป็นเวลาหลายสัปดาห์ โดยย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งในตอนกลางคืน จึงเป็นไปได้ที่จะเจอมันหลังจากที่มันหายไปนานกว่าสองเดือน

รู้ว่าจะหาที่ไหน
1. ค้นหาตามที่ซ่อน แมวที่พลัดหลงและหวาดกลัวมักจะวิ่งไปหลบยังที่ซ่อนซึ่งมันเห็นเป็นที่แรก ดังนั้นควรมองหาตามพุ่มไม้ ใต้ชานบ้าน ใต้ถุนบ้าน โรงรถ หรือไม่ก็ห้องเก็บของ โดยเริ่มจากบริเวณซึ่งใกล้กับที่ที่แมวหายไป และขยายขอบเขตการค้นหาออกมาเรื่อย ๆ
  • ลองเช็คตามท่อน้ำทิ้ง ท่อระบายน้ำ และช่องระบายอากาศด้วย
2. ค้นหาตามพื้นที่ที่อยู่ในเขตรัศมีของบ้านคุณซ้ำหลาย ๆ ครั้ง แมวส่วนใหญ่จะหลบซ่อนอยู่เงียบ ๆ ประมาณสองสามวัน กว่าจะส่งเสียงตอบรับคุณ ดังนั้นควรกลับไปหาในบริเวณที่อยู่ใกล้บ้านอีกครั้ง โดยพาคนที่มันคุ้นเคยและชอบเล่นด้วยไปด้วย เพื่อให้เขาช่วยเรียกหา เผื่อมันจะไว้ใจและส่งเสียงตอบกลับมา
3. มองตามที่สูง แม้แมวบางตัวจะถูกถอดกรงเล็บออก แต่มันก็ยังสามารถปีนขึ้นที่สูงได้ โดยเฉพาะตอนที่มันหวาดกลัว ดังนั้นลองแหงนมองบนต้นไม้ หลังคาบ้าน หรือพื้นที่สูงต่าง ๆ เผื่อจะเจอมันหลบอยู่ข้างบน ทั้งนี้แมวที่มีกรงเล็บมักชอบปีนป่ายไปมาระหว่างหลังคากับกำแพง ดังนั้นการมองหาในมุมสูงก็น่าจะมีโอกาสพบเจอมันได้เช่นกัน
4. ค้นหาที่ในที่ที่อุ่นสบาย ถ้าตอนนั้นอากาศกำลังหนาว แมวของคุณอาจจะไปหลบอยู่หลังเครื่องทำความร้อน อาจมุดเข้าไปในช่องของเครื่องทำความร้อน หรือปีนขึ้นจากใต้ท้องรถไปอยู่ในห้องเครื่องก็ได้
5. ค้นหาตามบ้านหรือสนามหญ้าของเพื่อนบ้าน ขออนุญาตเข้าไปตามหาแมวในบ้านหรือสำนักงานที่อยู่ในบริเวณที่คุณเห็นแมวเป็นครั้งสุดท้าย และอย่าลืมโฟกัสไปที่ซอกหลืบที่แมวจะสามารถเข้าไปหลบซ่อนได้
  • ถ้ามีความเป็นไปได้ที่แมวของคุณจะเข้าไปในบ้านของคนอื่นแล้ว ก็ลองขอเจ้าของบ้านเข้าไปสำรวจภายในดู ถ้าเขาอนุญาต แต่ถ้าไม่อนุญาตก็ต้องพยายามค้นหาด้วยตัวเองเท่าที่จะทำได้
6. ลองคิดดูว่ามีที่ไหนที่แมวจะเข้าไปติดหรือถูกขังอยู่ โดยสถานที่ที่แมวเข้าไปติดอยู่ได้มีหลายแห่ง เช่น 
  • พื้นที่ก่อสร้างซึ่งเต็มไปด้วยหลุมบ่อ เศษหินดินทราย ข้าวของเครื่องมือต่าง ๆ ซึ่งอาจทำให้แมวติดอยู่ในนั้น
  •  เพื่อนบ้านอาจปิดประตูโรงรถโดยไม่ทันสังเกตมีแมวอยู่ภายใน ดังนั้นลองโทรไปสอบถามเพื่อนบ้านที่เพิ่งออกไปพักร้อน หรือไม่ได้เปิดโรงรถเป็นเวลานานดู
  •  แมวของคุณอาจขึ้นไปกับรถบางคัน อย่างรถบรรทุกที่ต้องขนส่งสิ่งค้าตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งถ้าแมวของคุณสนุกกับการนั่งหรือสำรวจรถแล้วล่ะก็ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่มันจะขึ้นรถคันอื่นไป
7. อย่าลืมค้นหาในตัวบ้าน แมวของคุณอาจได้รับบาดเจ็บ และติดอยู่ใต้เฟอร์นิเจอร์ ในห้องหรือตู้ที่ปิดล็อก หรือในบริเวณที่คุณไม่ค่อยเข้าไปอย่างห้องใต้เพดานและห้องใต้ดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยมาก่อนดังในบ้านของคุณเองหรือของเพื่อนบ้าน
  • ลองค้นหาข้างใต้โซฟา ใต้ฟูกหรือเตียงนอน ในปล่องไฟ ใต้ตู้เก็บของ หลังหนังสือในชั้นวางหนังสือ ในช่องที่เปิดไว้สำหรับการซ่อมแซมอย่างผนังที่ตรงกับท่อน้ำ หลังข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ
ใช้เครื่องทุ่นแรง
1. เรียกแมวของคุณในตอนกลางคืน ล่อให้แมวของคุณออกจากที่ซ่อนและกลับมาบ้านโดยเรียกมันพร้อมกับเขย่ากล่องที่ใส่อาหารไว้ นอกจากนี้เสียงเปิดกระป๋องอาหารแมวก็อาจล่อมันได้เช่นกัน
  • แมวที่พลัดหลงมักระมัดระวังไม่กล้าเข้าใกล้เสียงที่ได้ยิน แม้จะเป็นเสียงที่คุ้นเคยก็ตาม ถึงกระนั้นวิธีนี้ก็น่าจะใช้ได้ในช่วงกลางดึกที่มืดมิดและไม่มีอะไรมารบกวนหรือดูเป็นอันตราย
  •  หยุดและฟังเสียงร้องหลังจากเรียกมันในแต่ละครั้ง
2. วางของที่มีกลิ่นที่แมวคุ้นเคยไว้ตรงประตู ไม่ว่าจะเป็นกระบะทราย ของเล่น พรม เพราะจะทำให้แมวได้กลิ่นและป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้นนานขึ้น ถ้ามันกลับมาในตอนกลางคืน แต่ถ้าไม่มีของพวกนี้ ก็ลองวางเสื้อที่ไม่ซักไว้ข้างนอกดู เผื่อกลิ่นจะดึงดูดมันกลับมา
3. วางอาหารไว้ข้างนอก อาหารที่มีกลิ่นแรงอย่างอาหารกระป๋องของแมว ทูน่า หรือตับ ก็สามารถล่อแมวของคุณได้เป็นอย่างดี แต่ก็อาจล่อแมวตัวอื่น รวมถึงสัตว์อื่นมาด้วย ซึ่งจะทำให้แมวของคุณหวาดกลัวและหนีไป แม้องค์กรที่ให้คำแนะทำเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ส่วนใหญ่จะแนะนำวิธีนี้ แต่ทางที่ดีคุณควรเตรียมรับมือกับพวกแรคคูน สุนัขจิ้งจอก และแมวตัวอื่นที่จะเข้ามาด้วย
  • ใส่อาหารครึ่งนึงไว้ในภาชนะปิดที่มีรูอยู่บนฝา วิธีนี้จะทำให้สัตว์ต่าง ๆ (หวังว่าจะเป็นแมวของคุณ) ได้แต่ดม ไม่สามารถนำอาหารไปได้ อีกทั้งยังทำให้มันป้วนเปี้ยนอยู่แถวประตูเป็นเวลานานด้วย
  • วางปลาซาดีนไว้ บางทีอาหารแมวธรรมดาอาจไม่ได้ผล ลองใช้ปลาซาดีนดู มันน่าจะล่อแมวของคุณได้ดีกว่า
4. พยายามให้ตัวเองหรือคนในครอบครัวอยู่กับบ้าน เพื่อคอยเฝ้าเวลาแมวกลับมา แมวมีอาณาเขตอาศัยกว้างขวางและมักกลับบ้านเป็นครั้งคราว ดังนั้นถ้ามันกลับมาแล้วไม่มีใครอยู่บ้าน มันก็อาจจะหนีออกไปอีกครั้งก็ได้
5. วางเบบี้มอนิเตอร์ไว้ตรงประตูหลังบ้าน และวางอีกอันหนึ่งไว้ในห้องนอนของคุณ ตั้งระดับเสียงให้ดังพอที่จะปลุกคุณได้ ถ้าแมวของคุณกลับมาและส่งเสียงเหมียว ๆ คุณก็จะได้ยินและไปหามันได้ทัน
6. วางกับดักที่ไม่ทำอันตรายไว้ เป็นการง่ายที่จะใช้กรงดักจับสัตว์ในการดักจับแมว แต่อย่าลืมใส่อาหารแมวลงไปในกับดัก รวมถึงโรยแคทนิป (catnip) ไว้ด้วย ทั้งนี้กรงดังกล่าวสามารถหาซื้อได้ตามร้านที่ขายของเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง
  •  เช็คกับดักเป็นประจำทุกวัน แต่ถ้าสัตว์อื่นเข้ามาติด โดยเฉพาะสัตว์ที่มีอันตราย ก็ให้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญมาจับมันไปปล่อย

7. ล่อด้วยแคทนิป ฉีดสเปรย์กลิ่นแคทนิปหรือโรยแคทนิปไว้แถว ๆ ประตูบ้านและบริเวณโดยรอบ แต่วิธีนี้ก็ไม่ค่อยดีนัก เพราะถ้าเพื่อนบ้านของคุณมีแมว มันก็จะล่อแมวของเพื่อนบ้านมาแทน

กระจายข่าวขอความช่วยเหลือ
1. แจกจ่ายใบปลิวให้เพื่อนบ้าน ถ้าแมวของคุณหายไปนานกว่าสองถึงสามชั่วโมงแล้ว ให้รีบไปสอบถามเพื่อนบ้าน และทำใบปลิวเพื่อกระจายข่าวขอความช่วยเหลือ โดยใส่ไว้ในกล่องไปรษณีย์หรือสอดไว้ใต้ประตูของเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ควรระบุชื่อ เบอร์โทรศัพท์ และรูปแมวของคุณลงไปในใบปลิว รวมถึงบรรยายลักษณะเด่นของมัน (เช่น มีจุดรูปสามเหลี่ยมสีขาวอยู่บนไหล่) และถ้าคุณใช้รูปขาวดำก็ควรระบุสีของมันด้วย ทั้งนี้ตัวอย่างของโบรชัวร์และโปสเตอร์ที่จะนำมาใช้ทำเป็นใบปลิวสามารถหาได้ในอินเตอร์เน็ต
  • ในใบปลิวควรระบุข้อมูลที่เกี่ยวกับอาหารการกิน และข้อมูลทางการแพทย์ของแมวไว้ด้วย
  • ขอให้เพื่อนบ้านช่วยเช็คห้องเก็บของ โรงรถ และใต้ถุนบ้าน โดยให้เพื่อนบ้านที่มีความคุ้นเคยและใกล้ชิดกับแมวของคุณเช็คเป็นอันดับแรก
  • การเสนอรางวัลตอบแทนนั้นเป็นการจูงใจที่ดี แต่ไม่ควรระบุจำนวนเงินที่แน่นอนลงไปในใบปลิว มิฉะนั้นจะเป็นที่ล่อตาล่อใจของพวกนักต้มตุ๋นแสวงหาผลประโยชน์
  • ถ้าคุณได้ข่าวว่ามีคนเห็นแมว ถึงแม้ว่ามันจะมีรูปร่างลักษณะไม่ค่อยตรงกับแมวของคุณเท่าไหร่ แต่ก็ควรไปดูเพื่อความแน่ใจ ทั้งนี้ลักษณะของแมวที่มาจากคำบอกเล่าของคนที่เจอมักไม่ตรงกับลักษณะแมวของคุณมากนัก
  • ลงวันที่ไว้ในใบปลิวเพื่อให้ผู้คนรู้ว่าแมวของคุณเพิ่งหายไปเมื่อไม่นานมานี้
2. ถ้าแมวของคุณติดไมโครชิปติดตามตัวไว้ แล้วมีความเคลื่อนไหวใด ๆ เกิดขึ้น สัตวแพทย์หรือหน่วยงานด้านสัตว์ก็จะแจ้งคุณทันที ในต่างประเทศ การฝังไมโครชิปเป็นวิธีหนึ่งที่ไว้ใช้ติดตามสัตว์เลี้ยง โดยจะฝังเพียงครั้งเดียวแล้วก็ใช้ได้เลย ซึ่งกระบวนการนี้จะดำเนินการโดยสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยเขาจะฝังไมโครชิปไว้ใต้ผิวหนังเหนือกระดูกสะบักของแมว ไมโครชิปนี้มีขนาดประมาณเมล็ดข้าว และมีรหัสเฉพาะซึ่งสามารถอ่านค่าได้โดยการนำเครื่องสแกนเนอร์มาสแกนบนตัวของสัตว์เลี้ยง
  • เมื่อชิปถูกฝังไว้ในสัตว์เลี้ยง เจ้าของจะต้องลงทะเบียนและกรอกข้อมูลไว้กับบริษัทไมโครชิปนั้น ข้อมูลดังกล่าวจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง และถูกเก็บไว้จนกว่าเจ้าของจะเปลี่ยนข้อมูลใหม่
  • รหัสของไมโครชิปจะเชื่อมกับข้อมูลของเจ้าของสัตว์เลี้ยงผ่านฐานข้อมูลของไมโครชิป เมื่อเครื่องแสกนเนอร์แสดงรหัสออกมา บริษัทไมโครชิปก็จะสามารถติดต่อเจ้าของสัตว์เลี้ยงตัวนั้นได้ โดยดูจากรหัสดังกล่าวและข้อมูลที่เจ้าของได้ลงทะเบียนไว้
3. แจกและติดใบปลิวในที่ที่เหมาะสม พื้นที่ที่เหมาะแก่การแจกใบปลิวคือในรัศมีประมาณ 1.5 กิโลเมตรจากบ้านของคุณ  นอกจากนี้ยังต้องใช้กลวิธีอื่น ๆ ในการเลือกสถานที่ เพื่อให้การแจกและติดใบปลิวนั้นเกิดประโยชน์ไม่มากก็น้อย ซึ่งสถานที่ที่ควรไปเช่น
  •  คลินิกหรือโรงพยาบาลสัตว์ กรณีที่แมวของคุณได้รับบาดเจ็บแล้วมีคนพามารักษา เขาก็จะเห็นใบปลิวดังกล่าวแล้วติดต่อมาหาคุณ
  •  โรงเรียนและสนามเด็กเล่น โดยติดใบปลิวในระดับสายตาของเด็ก เพราะเด็กมีความช่างสังเกตมากกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะการสังเกตพวกสัตว์ต่าง ๆ
  • สวนสาธารณะที่มีคนพาสุนัขหรือสัตว์อื่น ๆ มาวิ่งเล่น ร้านขายของเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง หรือร้านตัดขนสัตว์ สถานที่เหล่านี้เต็มไปด้วยคนที่ชอบเลี้ยงสัตว์ ซึ่งพวกเขาน่าจะอยากช่วยตามหาแมวของคุณด้วย
  •  ไปติดใบปลิวตามบอร์ดประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ เช่นที่ศาลากลางจังหวัด วัด โรงเรียน ห้องสมุด ร้านค้า หรือสถานที่อื่น ๆ ที่เจ้าของอนุญาต
4. โพสต์ภาพแมวของคุณลงอินเตอร์เน็ต แล้วชาวเน็ตที่รักสัตว์จะช่วยตามหา ลองโพสต์ภาพแมวหรือค้นหาแมวของคุณในเว็บที่เปิดให้คนโพสต์ตามหาสัตว์เลี้ยงที่พลัดหลง อย่างเว็บชุมชนคนรักแมว หรือเว็บอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนอกจากภาพแล้วควรโพสต์ข้อมูลติดต่อกลับด้วย
  •  ในต่างประเทศ มีหลายเว็บที่เปิดให้คนโพสต์ตามหาสัตว์เลี้ยงที่สูญหาย เช่น Missing Pet, Pets911, TabbyTracker, FindToto เป็นต้น ส่วนในประเทศไทยก็มีเว็บบอร์ดของชุมชนคนรักสัตว์อย่างห้องจตุจักร ในเว็บพันทิป ซึ่งสามารถโพสต์ขอความช่วยเหลือได้เช่นกัน
  • ทวิตเตอร์และเฟสบุ๊คสามารถช่วยกระจายข่าวขอความช่วยเหลือในหมู่เพื่อนฝูงได้เป็นอย่างดี และอย่าลืมโพสต์ภาพแมวของคุณไปสักภาพสองภาพด้วย
  • ถ้าชุมชนของคุณมีอีเมลหรือเว็บไซต์แจ้งข่าวสาร ก็ลองโพสต์เรื่องที่แมวของคุณหายดู โดยระบุทั้งชื่อ รูปร่างลักษณะ และอุปนิสัยของมันลงไปด้วย
5. ลงประกาศในหนังสือพิมพ์ชุมชน ลงประกาศตามหาแมวหายในหนังสือพิมพ์ โดยระบุรูปร่างลักษณะและเบอร์ติดต่อกลับไว้ด้วย การลงประกาศดังกล่าวจะทำให้ข่าวกระจายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ได้เร็วยิ่งขึ้น แต่ถ้าชุมชนของคุณไม่มีหนังสือพิมพ์ชุมชน ก็ลองลงประกาศในจดหมายข่าวที่ทำแจกในศูนย์ราชการต่าง ๆ หรือไม่ก็ลงในฟรีก็อปปี้ที่แจกโดยทั่วไปก็ได้
6. ใช้วอยซ์เมลให้เป็นประโยชน์ ในกรณีที่คุณไม่สะดวกที่จะรับสาย การใช้ข้อความเสียงในการตอบกลับอัตโนมัติก็เป็นประโยชน์ไม่น้อย เพื่อให้คนที่โทรมาให้ความช่วยเหลือฝากข้อความที่เกี่ยวข้องกับการตามหาไว้ เช่นเป็นเสียงตอบกลับว่า “คุณกำลังพูดกับ (ชื่อของคุณ) ถ้าคุณจะโทรมาแจ้งเรื่องแมวของฉัน (ชื่อแมวของคุณ) กรุณาทิ้งข้อความไว้พร้อมวันและสถานที่ล่าสุดที่คุณเห็นมัน ตามด้วยชื่อของคุณและเบอร์ติดต่อกลับ ขอบคุณค่ะ”
7. แจ้งสถานสงเคราะห์สัตว์ แจ้งสถานสงเคราะห์สัตว์ต่าง ๆ ที่รับอุปการะเลี้ยงสัตว์ที่บาดเจ็บหรือพลัดหลง โดยให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแมวของคุณ (เพศ สี และเบอร์ติดต่อกลับ) จากนั้นกลับไปเช็คทุกวันหรือสองวันจนกว่าจะหามันเจอ อย่างไรก็ตามสถานสงเคราะห์สัตว์อาจรับเลี้ยงแมวไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้ยากในการตามหาแมวที่มีรูปร่างลักษณะเหมือนกับแมวของคุณ ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาพอสมควร
  • สถานสงเคราะห์บางแห่งเก็บข้อมูลสัตว์ที่สูญหายไว้อย่างเป็นระบบ ดังนั้นข้อมูลของคุณก็จะถูกเก็บไว้เพื่อเปรียบเทียบกับสัตว์ที่เข้ามาในสถานสงเคราะห์ว่าตรงกันหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ควรผูกมิตรกับเจ้าหน้าที่ในสถานสงเคราะห์ไว้ เพื่อให้เขาช่วยดูและช่วยเช็คข้อมูลสัตว์เลี้ยงของคุณให้เป็นการส่วนตัว จำไว้ว่าควรแสดงความเป็นมิตรกับคนที่คุณขอความช่วยเหลือเสมอ
8. ติดต่อสอบถามตามสถานสงเคราะห์สัตว์และสถานกักกันสัตว์ในทันทีและเป็นประจำ เพราะถ้าแมวของคุณถูกจับมาอยู่ในสถานสงเคราะห์หรือสถานกักกันสัตว์ที่แออัดยัดเยียด มันก็อาจอยู่ได้ไม่กี่วันก่อนที่จะถูกการุณยฆาตเพื่อลดจำนวนลง แต่ถ้าเจ้าหน้าที่รู้ว่าคุณกำลังตามหามันอยู่ เขาก็อาจช่วยคุณได้ โดยขอให้เขาติดต่อมาในทันทีที่พบแมวที่มีรูปร่างลักษณะเหมือนแมวของคุณ
  •  ถ้าเป็นไปได้ให้ไปเช็คยังสถานสงเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดอย่างน้อยสองวันครั้ง
9. แจ้งไปยังสถานีตำรวจใกล้บ้าน บางครั้งตำรวจจะได้รับแจ้งเกี่ยวกับสัตว์ที่เดินเร่ร่อน โดยเฉพาะบริเวณที่ไม่มีสถานสงเคราะห์สัตว์ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ที่ไปตรวจตราตามที่ต่าง ๆ ก็อาจพบแมวของคุณก็เป็นได้
  • อย่าโทรไปที่เบอร์แจ้งเหตุฉุกเฉินของตำรวจ ให้โทรไปที่เบอร์ปกติของสถานีหรือไปพูดคุยขอความช่วยเหลือจากตำรวจที่กำลังตรวจตราอยู่แถวนั้นก็ได้ เพราะแม้เรื่องแมวหายจะเป็นเหตุฉุกเฉินสำหรับคุณ แต่สำหรับตำรวจแล้วอาจมีเหตุฉุกเฉินอื่นที่สำคัญกว่ามาก
10. ลองเช็คตามบอร์ดประชาสัมพันธ์หรือเว็บไซต์ที่ลงประกาศตามหาเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่พลัดหลง ในต่างประเทศ สถานสงเคราะห์สัตว์ส่วนใหญ่จะมีเว็บไซต์ที่มีรูปภาพและข้อมูลของสัตว์เร่ร่อนมากมาย คุณควรเข้าไปเช็คในเว็บดังกล่าวเป็นประจำทุกวัน สำหรับประเทศไทยก็มีเว็บบอร์ดหรือเพจในเฟสบุ๊กของคนรักสัตว์ ซึ่งมีการประกาศตามหาเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่พลัดหลงเช่นกัน
11. จ้างนักสืบตามหาสัตว์เลี้ยง ในต่างประเทศมีอาชีพนักสืบตามหาสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ซึ่งคุณสามารถจ้างพวกเขามาเพื่อสืบหาแมวของคุณได้

เคล็ดลับ
  • เมื่อคุณเจอแมวแล้ว ควรแจ้งให้คนอื่นทราบด้วยว่าหาเจอแล้ว และไปเอาใบปลิวที่ติดตามที่ต่าง ๆ ออก รวมถึงขอบคุณทุกคนที่ช่วยตามหาด้วย
  • ถ้าคุณตั้งเงินรางวัลในการตามหาไว้ อย่าลืมมอบรางวัลให้กับคนที่ช่วยตามหาสัตว์เลี้ยงที่คุณรัก
  • หลังหาแมวเจอแล้ว ให้สวมปลอกคอที่ระบุข้อมูลเกี่ยวกับมันไว้ รวมถึงไมโครชิปถ้าเป็นไปได้ นอกจากนี้ควรปิดท่อระบายน้ำ ช่องระบายอากาศ และใต้ถุนบ้าน เพื่อไม่ให้แมวเข้าไปหลบได้
  • ถ้าแมวของคุณยังไม่ได้ทำหมัน ก็ควรพามันไปทำหลังจากที่มันกลับมา เพราะปกติแมวมักชอบออกไปข้างนอกเพื่อหาคู่ ถ้าแมวที่หนีออกจากบ้านไปเป็นตัวเมีย มันก็อาจจะตั้งท้องเมื่อกลับมา ซึ่งคุณควรพาไปหาสัตวแพทย์ทันทีเพื่อขอคำแนะนำในการเลี้ยงดู
  • เข้าใจอุปนิสัยแมวของคุณ แมวบางตัวเข้ากับคนง่ายดังนั้นมันอาจจะเข้าไปเล่นในบ้านคนอื่น เมื่อไม่รู้ว่าเป็นแมวใคร คนในบ้านนั้นก็จะไม่ได้แจ้งให้คุณทราบ และถ้าคุณมีแมวที่ขี้กลัว มันก็จะชอบซ่อนตัวอยู่เงียบ ๆ เป็นวัน ๆ  ดังนั้นต้องคิดเสมือนว่าตัวเองเป็นแมว แล้วตามหาอย่างเต็มความสามารถ และพยายามค้นหาอย่างต่อเนื่อง เพราะแมวบางตัวที่หายไปเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนก็ยังหาเจอในเวลาต่อมา ดังนั้นอย่าหมดหวัง
  • อีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้รู้ว่าแมวจะกลับมาบ้านเมื่อไหร่คือการใช้เครื่องตรวจจับความเคลื่อนไหวและเครื่องส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจจับได้ ติดตั้งเครื่องตรวจจับไว้นอกบ้านหน้าชามอาหาร และวางเครื่องส่งสัญญาณไว้ในห้องนอนของคุณ มันจะส่งสัญญาณมาปลุกคุณเมื่อตรวจจับความเคลื่อนไหวบางอย่างได้
  • แมวที่หนีออกไปจากบ้านส่วนใหญ่มักกลับมาด้วยตัวเอง
  • ถ้าแมวของคุณกลับมาโดยไม่ได้รับอันตรายใด ๆ ก็ควรกักมันไว้ในบ้านสักสองสามวัน จนกว่ามันจะปรับตัวให้คุ้นชินกับการกลับมาได้ และเมื่อคุณปล่อยแมวออกไปอีกครั้ง ก็ให้นำอาหารกระป๋องสำหรับแมวไปวางล่อไว้ข้างนอก ซึ่งจะทำให้มันไม่อยากหนีไปอีก เพราะแมวของคุณรู้ว่าจะมีอาหารกินเมื่ออยู่บ้าน
  • ถ้าแมวของคุณหนีไปอีก ลองวางอาหารกระป๋องที่มันชอบไว้ข้างนอก เพราะกลิ่นของอาหารจะพามันกลับมาอย่างรวดเร็ว
คำเตือน
  • กักแมวของคุณไว้ในบ้านอย่างซีเรียสเป็นพิเศษเมื่อมีการก่อสร้างอยู่ใกล้ ๆ มีพายุฝนรุนแรง มีงานเฉลิมฉลอง มีการจุดพลุดอกไม้ไฟ มีการเดินพาเหรด ฯลฯ เพราะเสียงที่ดังและวุ่นวายมักทำให้แมวหวาดกลัว และถ้าจำเป็น อาจจะต้องพามันไปอยู่ที่อื่นก่อนเพื่อความปลอดภัย
  • ถ้าคุณ (หรือคนในครอบครัวหรือเพื่อนร่วมห้อง) กำลังย้ายบ้าน ต้องคอยระวังไม่ให้แมวเข้าไปอยู่ในกล่องที่ใช้เก็บของ ทางที่ดีควรกันมันไว้ในอีกห้องนึงก่อน และในวันย้ายบ้าน เช็คให้แน่ใจว่าแมวของคุณอยู่ในกรงเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะเปิดประตูพาคนมาขนของ และพยายามหลีกเลี่ยงอะไรก็ตามที่จะทำให้แมวหนีออกไป
  •  มีความเป็นไปได้ที่แมวของคุณจะได้รับอุบัติเหตุบนท้องถนน ลองติดต่อสอบถามไปยังตำรวจจราจรแถวนั้นว่าเจอแมวที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกับแมวของคุณหรือเปล่า
  • มีโอกาสไม่น้อยที่แมวของคุณจะถูกฆ่าโดยสัตว์อื่น เช่นสุนัขหรืองู ลองเช็คตามพุ่มไม้ดูว่ามีขนแมวหรือร่องรอยการต่อสู้อยู่หรือไม่
  • อย่าระบุที่อยู่ของคุณในใบปลิวหรือโพสต์ไว้ในอินเตอร์เน็ต ถ้ามีคนอ้างว่าเจอแมวของคุณ ให้คุณไปพบเขาในที่สาธารณะ โดยพาเพื่อนไปด้วย เผื่อเป็นการโกหกหลอกลวง
  • ระวังคนที่จะเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์โดยอ้างว่าเก็บแมวของคุณได้ และให้โอนเงินมาเป็นการตอบแทน ความจริงเขาอาจจะไม่มีแมวอยู่ก็ได้ เขาเพียงแค่อยากได้เงินเท่านั้น ดังนั้นคุณควรตรวจสอบให้ละเอียดทุกครั้งก่อนที่จะเชื่อใจใคร

บทความอ้างอิง : th.wikihow.com