การเตรียมพร้อมที่จะดูแลเพื่อนสี่ขาที่รู้ใจ
อยากมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเอง ควรเริ่มต้นอย่างไรดี ?
ตอนที่ 2
เลี้ยงตัวอะไรดีนะ ถึงจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรา
สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน กลับมาพบกันตามสัญญานะครับ จากบทความตอนที่แล้ว ที่ชายหมอ(หมา) ได้ถามคุณผู้อ่านว่า “พร้อมที่จะเสียสละ ดูแลอีกหนึ่งชีวิตหรือยัง” เชื่อว่าคุณผู้อ่านคงได้คำตอบในใจเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ ทีนี้ถ้าคำตอบของคุณผู้อ่านคือ พร้อม หรือ พร้อมมาก‼️
ขั้นตอนต่อไปที่จะต้องทำ นั่นก็คือ การตัดสินใจว่า จะเลือกเลี้ยงสัตว์อะไรดี ถึงจะเหมาะกับเรา ไม่ว่าจะเป็น น้องหมา น้องแมว น้องกระต่าย หนู งู กิ้งก่า เยอะแยะไปหมด เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว
ชายหมอ(หมา) มีเคล็ดลับสำคัญอยู่ 4 ข้อ ที่สามารถใช้เป็นตัวช่วยให้คุณผู้อ่านทุกท่านได้ตัดสินใจเลือกสัตว์เลี้ยงให้เหมาะกับตนเองได้ง่ายขึ้นครับ
ข้อที่ 1 สถานที่เลี้ยงสัตว์
สถานที่เลี้ยงสัตว์ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ บ้านของเรานั่นเอง คุณผู้อ่านจะต้องถามตัวเองก่อนว่า บ้านเรานั้นมีพื้นที่เลี้ยงสัตว์กว้างขวางแค่ไหน บางท่านอาจจะมีคฤหาสน์หลังใหญ่ ด้านหลังมีสนามหญ้า และพื้นที่ป่ากว่า 100 เอเคอร์ แบบนั้นคุณจะเลี้ยงม้าสัก 1 ฝูง ก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงครับ หรือถ้าบ้านคุณผู้อ่านมีสนามหญ้าขนาดกว้างหน่อย จะเลี้ยงสุนัขพันธุ์ใหญ่ขี้อ้อน ๆ สักตัว อย่าง “โกลเด้น รีทรีฟเวอร์” (Golden Retriever) ก็สามารถทำได้ครับ หากมีสนามหญ้าขนาดกระทัดรัด สไตล์บ้านจัดสรร หรือทาวน์โฮม อาจจะเลือกเลี้ยงสุนัขพันธุ์เล็กน่ารัก ขนฟู อย่าง “ปอมเมอเรเนียน” (Pomeranian) ก็เหมาะสมครับ แต่ในกรณีที่คุณอยู่ทาวน์เฮ้าส์ที่ไม่มีสนามหญ้าเลยหรือคอนโดมิเนี่ยม อันนี้ต้องดูเป็นกรณี ๆ ไปครับ ถ้าอยู่ทาวน์เฮาส์ที่โครงการมีพื้นที่ส่วนกลาง จะเลี้ยงสุนัขโดยใช้วิธีการพาไปเดินนอกบ้านทุกวันก็ถือว่าพอได้ครับ แต่ถ้าไม่มีพื้นที่ส่วนกลางแบบนั้น หรืออยู่คอนโด ห้องเช่า อาจจะต้องเลือกสัตว์เลี้ยงที่ไม่ต้องการพื้นที่มาก เช่น แมว ปลา กระต่าย หรือ exotic pets อื่น ๆ แต่ทั้งนี้อย่างลืมศึกษากฏระเบียบของสถานที่ที่เราอยู่อาศัยด้วยครับ พึงระลึกไว้เสมอว่า ความสุขของเราที่ได้เลี้ยงสัตว์ต้องไม่เบียดเบียนผู้อื่นนะครับ
ข้อที่ 2 งบประมาณในการเลี้ยงสัตว์
เรื่องเงินนี่สำคัญมากนะครับ ไม่ว่าทำอะไรก็ต้องใช้เงิน เลี้ยงสัตว์ก็เช่นกัน ตั้งแต่ซื้อสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยง ค่าอาหาร เครื่องใช้จิปาถะ ค่าดูแลสุขภาพ เยอะแยะไปหมด นี่ยังไม่รวมค่าขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงที่เคยเป็นกระแสโด่งดัง ซึ่งในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่จะถูกบังคับให้ทำครับ คิดง่าย ๆ ครับ ถ้าคุณเลี้ยงสุนัขพันธุ์ใหญ่ ๆ อย่าง “เซนต์เบอร์นาร์ด” หน้าตาใจดีสักตัว ราคาค่าตัวน้องหมาลักษณะดี ๆ น่าจะประมาณ 3 หมื่นบาทขึ้นไป ค่าอาหารในเเต่ละวันก็ประมาณ 30 กิโลกรัมต่อวัน หรือมากกว่า เมื่อโตเต็มที่ ตกวันหนึ่งหลายร้อยถึงหลายพันบาท ขึ้นกับความพรีเมี่ยมของอาหาร เวลาป่วยนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ ค่ายาคิดตามน้ำหนักตัวนะครับ ในขณะเดียวกันถ้าคุณเลี้ยงสุนัขพันธุ์เล็กแสนซุกซนอย่าง “ชิวาวา” ราคาค่าตัวน้องหมาอาจจะใกล้เคียงกันที่ 2-3 หมื่นบาท แต่ชิวาวาโตเต็มที่หนักสัก 2-3 กิโลกรัม กินอาหารวันนึงไม่เยอะมาก บางตัวที่เจ้าของรักษาหุ่นนี่ถึงขั้นนับเม็ดอาหารให้กันเลยทีเดียวนะครับ พอเจ็บป่วย ไปหาคุณหมอค่ายาก็จะไม่แพงเท่าสุนัขตัวใหญ่ ๆ ตัวอย่างที่ยกมานี้คงพอทำให้เห็นภาพนะครับ ว่าเราเสียเงินในการเลี้ยงสัตว์ไปกับอะไรบ้าง ซึ่งในความเป็นจริงอาจมีรายจ่ายจุกจิก หรือซับซ้อนกว่านี้ครับ เงินจึงเป็นปัจจัยสำคัญแรก ๆ ที่คุณผู้อ่านต้องให้ความสำคัญครับ
ข้อที่ 3 ไลฟ์สไตล์ของเจ้าของ
ไลฟ์สไตล์ หรืออุปนิสัยส่วนตัวของผู้เลี้ยงก็สำคัญครับ เจ้าของบางท่านเป็นคนชอบกีฬาเอาท์ดอร์ ชอบวิ่งจ๊อกกิ้ง การมีสุนัขที่รักการเล่น การออกกำลังกายอย่าง “ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์” (Labrador Retriever) จะทำให้ชีวิตคุณมีสีสันมากขึ้นแน่นอนครับ ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณเลี้ยงแมวนิสัยเรียบร้อย มีความเป็นผู้ดีอย่าง “แมวสก็อตติช โฟลด์” (Scottish Fold) คุณคงไม่สามารถเอาสายจูงผูกกับปลอกคอ แล้วลากพาไปวิ่งจ๊อกกิ้งด้วยกันได้ ดังนั้นต้องเลือกให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของเราครับ
ข้อที่ 4 ความชอบ / ความฝัน
ข้อนี้ถือเป็นออฟชั่นเสริมนะครับ สำหรับคุณผู้อ่านท่านใดที่ตัวช่วยทั้ง 3 ข้อที่ผ่านมา ยังไม่สามารถให้คำตอบแก่คุณได้ ตัวช่วยสุดท้าย ก็คือ ความชอบส่วนตัว ความใฝ่ฝันอยากจะเลี้ยง ความทรงจำในวัยเด็ก ความประทับใจในภาพยนต์ หรืออื่น ๆ สิ่งเหล่านี้สามารถเป็นตัวช่วยที่ดีได้ครับ ครับ ยกตัวอย่าง เช่น สมัยชายหมอ(หมา) เป็นเด็ก ภาพยนตร์เรื่อง แลสซี่ สุนัขแสนรู้ ดังมาก (ภาพยนตร์เก่ามาก ถึงขั้นเดาอายุชายหมอ(หมา)ได้เลยทีเดียว) ในช่วงนั้นกระแสความนิยมอยากเลี้ยงสุนัขพันธุ์เดียวกับแลสซี่ คือ พันธุ์คอลลี่ จะเพิ่มสูงมาก หรือบางท่านอ่านจะชอบดูการ์ตูน เช่น ชอบ “แมวการ์ฟีลด์” ก็อาจจะมีความฝันอยากจะเลี้ยงน้องแมวพันธุ์เอ็กโซติก ช็อตแฮร์ (Exotic Shorthair) ที่หน้าตา สีสันคล้าย ๆ เจ้า “แมวการ์ฟีลด์”อย่างแน่นอนครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความฝันหรือความชอบของเรา จะต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ด้วยนะครับ โดยต้องพิจารณาร่วมกับตัวช่วย 3 ข้อแรกนั่นเอง
หวังว่าตัวช่วยทั้ง 4 ข้อ ที่ชายหมอ(หมา) เอามาแบ่งปันในวันนี้จะสามารถช่วยให้คุณผู้อ่านทุกท่านตัดสินใจเลือกสัตว์เลี้ยงที่เหมาะกับตัวเองได้นะครับ
สำหรับบทความนี้ชายหมอ(หมา) คงต้องขอลาไปก่อน จนกว่าจะพบกันใหม่ครับ
บทความโดย
อ. น.สพ. ดร.เศรฐกิตย์ จิตเสนาะ
DVM, Ph.D.(Phatobiology)