ในปัจจุบันนี้ผู้เลี้ยงสุนัขยุคใหม่มักคำนึงถึงความสะดวกสบายเป็นหลัก จึงนิยมให้อาหารเม็ด หรืออาหารสำเร็จรูปแก่น้องหมา แต่ก็มีเจ้าของจำนวนมากเช่นกัน ที่ใส่ใจสุขภาพของสุนัขและหลีกเลี่ยงการให้อาหารสำเร็จรูป เนื่องจากอาหารสำเร็จรูปไม่ใช่อาหารเตรียมสดใหม่ จึงไม่ได้มีสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วน และยังมีส่วนผสมของเครื่องปรุงรสและสารรักษาคุณภาพ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพน้องหมาได้ เทรนด์การให้อาหารที่เตรียมสดใหม่อย่างอาหาร BARF จึงเริ่มกลายเป็นที่นิยมในหมู่ผู้เลี้ยงสุนัขมากขึ้น.....เรามาทำความรู้จักอาหาร BARF กันค่ะ

อาหาร BARF คืออะไร?
ที่มาของอาหาร BARF นั้นเกิดขึ้นจาก การที่หญิงชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า Debbie Tripp เธอได้ให้อาหารสดและดิบแก่สุนัขของเธอ และเธอเรียกอาหารชนิดนี้ว่า Born Again Raw Feeders (BARF) หรือ Bones And Raw Foods ซึ่งในเวลาต่อมาก็มีการให้ความหมายของอาหารประเภทนี้ว่า Biologically Appropriate Raw Foods ซึ่งก็หมายถึงอาหารดิบ ๆ เช่น เนื้อสัตว์ติดกระดูก ปลาดิบ ไข่ดิบ ซึ่งการให้สุนัขกินอาหารในลักษณะนี้จะคล้ายกับพฤติกรรมการกินของสุนัขป่านั่นเอง
มีการศึกษาพบว่าอาหาร BARF ทำให้ร่างกายสุนัขมีสุขภาพดีขึ้น ขนสวยเป็นเงางาม ปัญหาเรื่องโรคผื่นแพ้ โรคผิวหนังต่าง ๆ ก็ลดลง ลดอาการระคายเคืองผิวหนัง ทำให้เหงือกและฟันสุขภาพดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีคนจำนวนมากที่มองว่าอาหารดิบดูน่ากลัว อาจมีเชื้อโรคปนเปื้อน และเตรียมยุ่งยากกว่าอาหารสำเร็จรูป การพิจารณาว่าจะให้น้องหมากินอาหาร BARF ดีหรือไม่ ควรคำนึงถึงข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมกับน้องหมาของเราด้วย

สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจให้สุนัขกินอาหาร BARF
ถึงแม้การให้สุนัขกินอาหาร BARF จะมีความคล้ายกับพฤติกรรมการกินของสุนัขป่า แต่ผู้เลี้ยงก็ไม่ควรปล่อยให้สุนัขซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงกินอาหารดังกล่าวไปตามสัญชาตญาณ ผู้เลี้ยงจำเป็นจะต้องศึกษาเรื่องพฤติกรรมการกินอาหารของสุนัขให้ละเอียดก่อนว่า สุนัขของเรามีความต้องการอาหารอย่างไรบ้าง และเราควรมีวิธีให้อาหาร BARF ยังไงเพื่อไม่ให้สุนัขขาดสารอาหาร เช่น การให้สุนัขกินเนื้ออย่างเดียวจะทำให้สุนัขเสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหาร

นอกจากนี้ผู้เลี้ยงยังต้องคำนึงถึงเรื่องของอายุและสุขภาพของสุนัขของเราด้วยค่ะ เพราะพวกเขาควรจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและเพียงพอในปริมาณที่เหมาะสมกับวัยของเขา ซึ่งในจุดนี้ถ้าหากผู้เลี้ยงไม่แน่ใจว่าควรจะให้สุนัขของตัวเองกินอาหาร BARF ดีหรือไม่ การไปขอคำปรึกษาจากสัตวแพทย์จะสามารถช่วยในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะสัตวแพทย์จะให้คำแนะนำถึงวิธีการให้อาหาร BARF อย่างถูกต้องที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อสุนัขอย่างแท้จริง

ข้อดีของการให้อาหาร BARF
•    มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารและสุขภาพ
•    ร่างกาย และผิวหนังของสุนัขจะมีสุขภาพดีขึ้น
•    ขนของสุนัขจะเงางาม มีสุขภาพดี ไม่หลุดร่วง
•    สุนัขจะมีฟันสะอาด และมีเหงือกที่แข็งแรง
•    ช่วยลดปัญหากลิ่นปาก และกลิ่นเหม็นสาบของสุนัขได้
•    สุนัขได้รับสารอาหารที่เหมาะสม
•    คุณภาพของวัตถุดิบที่นำมาเป็นอาหารให้สุนัข เป็นวัตถุดิบคุณภาพดี
•    เมื่อสุนัขกินอาหาร BARF ได้สักระยะหนึ่งจะพบว่า อุจจาระของสุนัขมีกลิ่น และขนาดที่ลดลง
•    ผู้เลี้ยงแน่ใจได้ว่าวัตถุดิบที่นำมาเป็นอาหารให้สุนัขนั้น ไม่มีวัตถุกันเสีย , สีผสมอาหารและสารปรุงแต่งอาหารอื่น ๆ ปนเปื้อน
•    ช่วยในเรื่องการป้องกันโรคภัยต่าง ๆ อาทิเช่น โรคหัวใจ ,ไต , มะเร็ง , ข้อต่ออักเสบ ฯลฯ
 

วิธีการให้อาหาร BARF ที่ถูกต้อง
การให้อาหาร BARF กับสุนัข ผู้เลี้ยงจะต้องคำนึงถึงขนาดและสายพันธุ์ของสุนัขที่เลี้ยง ให้ผู้เลี้ยงสังเกตจากพฤติกรรมการกินอาหารของสุนัขตัวเองเป็นหลัก โดยในช่วงแรก ๆ อาจให้สุนัขค่อย ๆ กินอาหาร BARF ในปริมาณน้อย ๆ ก่อน โดยเนื้อสัตว์ที่นำมาให้สุนัขกินนั้น ควรเป็นเนื้อสัตว์คุณภาพดี และเป็นเนื้อส่วนที่ติดกระดูก เพื่อที่สุนัขจะได้เคี้ยวเพื่อเป็นการทำความสะอาดฟันไปในตัว แต่ถ้าเป็นส่วนของซี่โครงผู้เลี้ยงควรสับซี่โครงดังกล่าวให้เป็นชิ้นขนาดพอดี ไม่เล็กหรือไม่ใหญ่จนเกินไป เพื่อให้สุนัขสามารถเคี้ยวได้ง่ายขึ้น และถ้าหากต้องการให้สุนัขกินอาหารประเภทธัญพืชด้วยนั้น ควรแยกอาหารประเภทธัญพืชออกจากอาหารประเภทเนื้อ (แยกออกเป็น 2 มื้อ) เพราะถ้าหากให้กินพร้อมกัน อาจทำให้เกิดลมในท้อง และกระเพาะของสุนัขอาจทำงานหนักจนเกินไป
ส่วนใครที่อยากให้สุนัขกินผักไปด้วยนั้น อาจใช้วิธีการบดเนื้อสัตว์ , ปลาทูน่า , ตับ แล้วคลุกให้เข้ากันกับผัก วิธีนี้ก็จะช่วยให้สุนัขกินผักได้ง่ายขึ้น

ทั้งนี้ เพื่อให้สุนัขได้รับสารอาหารจากการกินอาหารแบบ BARF อย่างครบถ้วนผู้เลี้ยงควรจัดตารางการให้อาหารดังนี้..... ใน 1 สัปดาห์ ให้อาหารประเภทเนื้อ 5 วัน และให้อาหารที่ไม่มีเนื้อ 1 วัน และอีกหนึ่งวันงดอาหาร (แต่ในกรณีที่เป็นลูกสุนัขไม่ควรงดอาหารนะคะ)

นับได้ว่าอาหาร BARF เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับผลสุขภาพของสุนัข และถ้าหากคุณเจ้าของสนใจจะให้สุนัขกินอาหารประเภทนี้ แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรให้ในปริมาณเท่าไหร่ และวิธีให้แบบไหนจึงจะถูกต้อง แนะนำให้ลองปรึกษาสัตวแพทย์ดูจะได้คำตอบที่ถูกต้อง และเป็นประโยชน์ต่อตัวสุนัขของคุณเจ้าของมากที่สุดค่ะ 

ข้อมูลอ้างอิง  : honestdocs.co / Dogilike.com